การทำความเข้าใจปริมาณน้ำตาลในอาหาร (Glycemic Load) มีความสำคัญพอ ๆ กับการเข้าใจดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ของอาหาร
อะไรคือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปริมาณน้ำตาลของอาหาร? หากคุณเป็นโรคเบาหวาน คุณอาจรู้อยู่แล้วว่าคุณจำเป็นต้องตรวจสอบการบริโภคคาร์โบไฮเดรตของคุณ โดยอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่างกันจะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดต่างกัน และผลกระทบเหล่านี้สามารถวัดได้โดยการตรวจดู ดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) และปริมาณน้ำตาลในอาหาร (Glycemic Load) คุณอาจเคยได้รับคำแนะนำให้ใช้ตัวเลขเหล่านี้เพื่อช่วยวางแผนการรับประทานอาหารของคุณ แต่จริง ๆ แล้วตัวเลขเหล่านี้หมายความว่าอย่างไร – และมีประโยชน์เพียงใด?
ดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) และปริมาณน้ำตาลในอาหาร (Glycemic Load)
ดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) เป็นการกำหนดคะแนนตัวเลขให้กับอาหารโดยพิจารณาจากระดับน้ำตาลในเลือดของคุณที่เพิ่มขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเข้าไป อาหารต่าง ๆ จะถูกจัดอันดับอยู่ในระดับ 0 ถึง 100
โดยกลูโคสบริสุทธิ์ (น้ำตาล) ให้ค่า 100 ยิ่ง ดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ต่ำเท่าใด น้ำตาลในเลือดก็จะสูงขึ้นช้าลงหลังจากรับประทานอาหารนั้น โดยทั่วไป ยิ่งอาหารแปรรูปมากดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ก็จะยิ่งสูง ในขณะที่เมื่อเส้นใยหรือไขมันในอาหารมาก ค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ก็จะยิ่งต่ำ
แต่ดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวทั้งหมด สิ่งที่ไม่ได้บอกคือระดับน้ำตาลในเลือดของคุณจะสูงขึ้นเท่าไหร่เมื่อคุณกินอาหารเข้าไปจริงๆ เพื่อให้เข้าใจถึงผลกระทบโดยสมบูรณ์ของอาหารที่มีต่อน้ำตาลในเลือด คุณจำเป็นต้องรู้ว่าอาหารทำให้กลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็วเพียงใดและปริมาณกลูโคสต่อหนึ่งหน่วยบริโภคมีเท่าไหร่
การวัดอีกวิธีที่เรียกว่าการดูปริมาณน้ำตาลในอาหาร (Glycemic Load) ช่วยให้คุณได้ภาพที่แม่นยำยิ่งขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบในชีวิตจริงของอาหารที่มีต่อน้ำตาลในเลือดของคุณ ตัวอย่างเช่น แตงโมมีดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) 80 แต่การเสิร์ฟแตงโมครั้งหนึ่งอาจมีมีคาร์โบไฮเดรตน้อยมากจนมีปริมาณน้ำตาลในอาหาร (Glycemic Load) เพียง 5 ก็ได้
ปริมาณน้ำตาลในอาหาร (Glycemic Load)
ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการบางคนเชื่อว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานควรให้ความสนใจทั้ง ดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) และปริมาณน้ำตาลในอาหาร (Glycemic Load) เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ในทางกลับกัน American Diabetes Association กล่าวว่าปริมาณคาร์โบไฮเดรตทั้งหมดในอาหารเป็นตัวทำนายที่ชัดเจนกว่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) และปริมาณน้ำตาลในอาหาร (Glycemic Load) ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับน้ำตาลในเลือด และนักกำหนดอาหารบางคนยังรู้สึกว่าการเน้นที่ดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) และปริมาณน้ำตาลในอาหาร (Glycemic Load) เป็นการเพิ่มความซับซ้อนที่ไม่จำเป็นในการเลือกว่าจะกินอะไร
สุดท้ายนี้ การปฏิบัติตามหลักการรับประทานอาหารดัชนีน้ำตาลต่ำน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่การลดและรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมนั้นสำคัญกว่าสำหรับระดับน้ำตาลในเลือดและสุขภาพโดยรวมของคุณ
ถอดความและเรียบเรียงจาก: https://www.health.harvard.edu/diseases-and-conditions/the-lowdown-on-glycemic-index-and-glycemic-load