‘บางอย่างมากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ได้’ ประโยคนี้สามารถนำไปใช้ได้กับหลายสถานการณ์เลยทีเดียว เพราะแม้แต่สิ่งที่มีประโยชน์ หรือจำเป็นต่อร่างกายของเรา หากได้รับมากเกินไปก็สามารถสร้างผลเสียตามมาได้หลายประการ ไม่เว้นแม้แต่ แป้ง หรือ น้ำตาล สารอาหารหลักของร่างกายคนเราเช่นกัน
แป้ง และ น้ำตาล จัดอยู่ในอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ที่จำเป็นและเป็นองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะอย่างมนุษย์เรานั่นเอง แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าหากทานแป้ง และน้ำตาลมากเกินไป นอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว ยังทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย มีริ้วรอยตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
เรื่องนี้มีหลักฐานยืนยันจากวิจัยหลายฉบับ รวมทั้งวิจัยจาก American Academy of Dermatology หรือ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและทำการวิจัยในเรื่องเวชสำอางและด้านผิวหนัง ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานขนาดใหญ่ที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานระดับสากล
.
แป้งเป็นแหล่งสร้างน้ำตาลที่รวดเร็วให้กับร่างกาย เพราะเมื่อทานแป้งเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร่างกายจะเริ่มกระบวนการการย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาล โดยใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น
จากนั้นน้ำตาลจะเข้าสู่กระแสเลือดทันที ทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้อย่างรวดเร็ว และน้ำตาลเหล่านี้ก็จะเข้าไปจับและทำลายโปรตีน อิลาสติน และคอลลาเจนในร่างกายของเรา
ที่น่าสนใจที่สุดคือ ‘คอลลาเจน’ คำคุ้นหูของใครหลายคน เพราะคอลลาเจนเป็นเส้นใยโปรตีนอันเป็นองค์ประกอบสำคัญของผิวหนังและเส้นผมของร่างกายของเรา ซึ่งจะช่วยให้ผิวหนังมีความเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย แน่นอนว่าการรับประทานแป้งและน้ำตาลจำนวนมากเกินไป จะส่งผลต่อปัญหาผิวเหล่านี้โดยตรง
ยิ่งไปกว่านั้น น้ำตาลที่ผ่านกระบวนการย่อยจะเกาะติดกับคอลลาเจนในผิวหนังอย่างถาวรผ่านกระบวนการที่เรียกว่าไกลเคลชั่น (glycation) หรือการทำปฏิกิริยาเคมีข้ามสายโมเลกุล ระหว่างน้ำตาลและโปรตีนในร่างกาย นอกเหนือจากการเพิ่มริ้วรอยแล้ว ยังสามารถทำให้สภาพผิวแย่ลงได้อีกมากมาย เช่น การก่อให้เกิดสิว หรือกระ เป็นต้น
ทราบแบบนี้แล้ว ต้องเริ่มลดปริมาณขนมเค้ก ของหวาน หรือข้าวที่ล้นจานลง เพื่อควบคุมระดับแป้งและน้ำตาลในร่างกายไม่ให้มากจนเกินไป ผิวของเราจะได้เต่งตึงและอ่อนเยาว์อยู่เสมอ 🙂